5.1 การจัดการการตลาด
เรื่องที่ 5.1
การจัดการการตลาด หมายถึง การดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้านธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีการ วางแผนการผลิต การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การวิจัยการตลาด การส่งเสริมการขาย การทําฐานข้อมูลลูกค้า การกระจายสินค้า การกําหนดราคา การจัดจําหน่าย ตลอดจน การดําเนินกิจการทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการ และบริการให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคพอใจ ทั้งในเรื่องราคาและบริการ
คลิก 🔻
การจัดการการตลาดเกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. การโฆษณา หมายถึง การนําเสนอหรือส่งเสริมความคิดในการขายสินค้าหรือบริการ ผ่านสื่อต่าง ๆ มีผู้อุปถัมภ์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา โดยมีวัตถุประสงค์ของการโฆษณา เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าและงานบริการ เป็นการให้ข่าวสารและชักจูงให้ซื้อ สินค้าและซื้อบริการสื่อที่ใช้ในการโฆษณามีหลายประเภท เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ป้ายโฆษณา การโฆษณาทางไปรษณีย์ เป็นต้น สื่อโฆษณาแต่ละประเภทจะมีจุดเด่น และจุดด้อยแตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกสื่อโฆษณาควรคํานึงถึงวัตถุประสงค์ ดังนี้
1) สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
2) สื่อนั้นมีประสิทธิภาพและได้ผลสูงสุด
3) เสียค่าใช้จ่ายต่ําที่สุด
2. การประชาสัมพันธ์ หมายถึง การติดต่อสื่อสารเพื่อส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้อง ร่วมกันตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างลูกค้ากับผู้ผลิตเพื่อให้เกิดความเชื่อถือศรัทธาความคิดเห็น ทัศนคติที่ดีต่อองค์การ การประชาสัมพันธ์ ได้แก่ ข่าวแจกสําหรับเผยแพร่ การแถลงข่าว
3. การส่งเสริมการขาย หมายถึง กิจกรรมการส่งเสริมการตลาดนอกเหนือจากการ โฆษณาการขายโดยบุคคล และการประชาสัมพันธ์ เป็นการช่วยกระตุ้นความสนใจ การซื้อของ ผู้บริโภคหรือบุคคล
4. การวิจัยการตลาด หมายถึง การศึกษาปัจจัยภายนอกและภายในเกี่ยวกับการตลาด ทําให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลในการวางแผนการตลาดได้อย่างมั่นใจและสามารถบอก รายละเอียดในการดําเนินงานได้อย่างชัดเจน การวิจัยการตลาดหรือการศึกษาตลาดควร วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคมาปรับใช้ ดังนี้
1. ผู้บริโภคของกิจการคือใคร ใช้หลักการแบ่งส่วนตลาดเข้ามาประกอบการ พิจารณา คือ หลักภูมิศาสตร์ หลักประชากรศาสตร์ หลักจิตวิทยา หลักพฤติกรรมศาสตร์
2. ตลาดต้องการซื้ออะไร ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาว่าผู้บริโภคต้องการอะไร จากผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ เช่น บางคนใช้รถยนต์ราคาแพง เพราะต้องการความภาคภูมิใจ บางคนเลือกรับประทานอาหารในร้านหรูหรา นอกจากเขาต้องการความอร่อยจากรสชาติของ อาหารแล้วเขายังต้องการความสะดวกสบาย การบริการที่ดี เป็นต้น นักการตลาดจะต้อง วิเคราะห์ดูว่าผู้บริโภคต้องการซื้ออะไรเพื่อที่จะจัดองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วนตามที่ เขาต้องการ
3. ซื้ออย่างไร ผู้ประกอบการต้องศึกษาถึงกระบวนการตัดสินใจในการซื้อของ ผู้บริโภค กระบวนการการตัดสินใจในการซื้อนี้จะเริ่มจากความรู้สึกว่าต้องการสินค้านั้น จนไป ถึงความรู้สึกหลังการซื้อ กระบวนการดังกล่าวนี้จะกินเวลามากหรือน้อย ยากหรือง่ายเพียงใด ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า ตัวบุคคลที่ทําการซื้อ ผู้ตัดสินใจซื้อ การส่งเสริมการตลาด ฯลฯ แต่ละ ขั้นของกระบวนการซื้อใช้เวลาไม่เท่ากันและบางครั้งการซื้ออาจจะไม่ได้ดําเนินไปจนจบ กระบวนการก็ได้ เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนใจหรือเกิดอุปสรรคมาขัดขวางทําให้เลิกซื้อหรืออาจต้อง ทอดระยะเวลาในการซื้อออกไป
4. ทําไมผู้บริโภคจึงซื้อเป็นการพิจารณาถึงวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของการซื้อ
5. เมื่อไรผู้บริโภคจะซื้อ นักการตลาดจําต้องทราบถึงโอกาสในการซื้อของ ผู้บริโภค ซึ่งจะแตกต่างกันตามลักษณะสินค้านั้น ๆ เพื่อวางกลยุทธ์ทางตลาดได้เหมาะสมกับ พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค
6. ผู้บริโภคจะซื้อที่ไหน เป็นการถามเรื่องช่องทางการจําหน่าย แหล่งขายที่ เหมาะสมกับสินค้า โดยพิจารณาดูว่าสินค้าชนิดนี้ผู้บริโภคมักจะซื้อจากที่ไหนซื้อจากห้างสรรพสินค้าใหญ่หรือจากร้านขายของชําใกล้บ้านเป็นต้น
7. ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ เป็นการถามเพื่อให้ทราบถึงบทบาทของ กลุ่มต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ
8. การวางแผนการตลาด หมายถึง การกําหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สร้างความ น่าเชื่อถือให้กับกิจการและผู้ที่จะร่วมลงทุน สามารถอธิบายวิธีการที่จะดึงดูดและรักษาลูกค้าทั้ง รายเก่ารายใหม่ไว้ได้
9. การทําฐานข้อมูลลูกค้า หมายถึง ข้อมูลจะช่วยในการกําหนดส่วนต่างของ การตลาด การกําหนดกลยุทธ์ การตลาดทางตรงไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์การสร้างสรรค์งานโฆษณา กลยุทธ์สื่อ ตลอดจนใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการทําตลาดทางตรง เพราะกิจการจะไม่สามารถสื่อสารหรือเข้าใจถึงกลุ่มลูกค้าที่คาดหวังได้ หากปราศจากข้อมูล
วัตถุประสงค์การทําฐานข้อมูลลูกค้า มีดังนี้
1) เพื่อให้ทราบถึงความสําคัญของการจัดทําบัญชีรายชื่อลูกค้า
2) เพื่อให้ทราบถึงวิธีการเบื้องต้นในการจัดทําบัญชีรายชื่อลูกค้า
3) เพื่อให้เข้าใจถึงประเภทของฐานข้อมูล
4) เพื่อให้ทราบถึงองค์ประกอบของฐานข้อมูลลูกค้า
10. การกระจายสินค้า ในวงการธุรกิจปัจจุบันนักการตลาดให้ความสําคัญ เกี่ยวกับการกระจายสินค้า ไม่น้อยกว่าตัวแปรอื่น ๆ ในด้านการตลาด หากผลิตภัณฑ์เป็นที่ ต้องการของตลาด แต่ระบบการกระจายสินค้าไม่ดี เช่น ส่งสินค้าผิดพลาด ล่าช้า ผิดสถานที่ เป็นต้น เป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ เพราะทําให้ยอดขายลดลงและสูญเสียลูกค้า
จุดประสงค์ของการกระจายสินค้า คือการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ถูกต้อง ไปยังสถานที่ ที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ตลอดจนการให้บริการลูกค้าที่ดีที่สุด บทบาทและความสําคัญของการกระจายสินค้า เป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคหรือกล่าวได้ว่าการที่นําสินค้าออกจําหน่ายให้ผู้บริโภคทันตามเวลาที่ต้องการกระจายสินค้า จึงมีความสําคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องระมัดระวังในเรื่องต่อไปนี้
1) สินค้าที่ถูกต้อง
2) เวลาที่ถูกต้อง
3) จํานวนที่ถูกต้อง
4) สถานที่ที่ถูกต้อง
5) รูปแบบที่ต้องการ

การจัดการกระจายสินค้า คือการนําสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคหรือลูกค้า ซึ่งกระจายสินค้า เกี่ยวข้องกับการงานในหน้าที่อื่น ๆ ได้แก่ การเริ่มต้นจากการพยากรณ์การขายซึ่งเกี่ยวกับการ วางแผนการจัดจําหน่าย และวางแผนการผลิต ส่วนการกระจายสินค้า หมายถึง การบริหาร ระบบการขนส่งระบบช่องทางการจัดซื้อ ระบบช่องทางการจัดจําหน่าย ระบบสินค้าคงคลัง เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพในการจัดซื้อวัสดุ วัตถุดิบเพื่อการผลิต และเพื่อให้ได้มา ซึ่งประสิทธิภาพทางการตลาดที่จะขายสินค้าสําเร็จรูปและบริการสู่มือผู้บริโภค